เพชรพรรณารายแบตเตอรี่อยุธยา24ชม.
081-853-0658
089-089-8887
เพชรพรรณารายแบตเตอรี่อยุธยา
ร้านเพชรพรรณารายแบตเตอรี่อยุธยา081-853-0658 บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่ ในจังหวัดอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียง โดยช่างมืออาชีพ สะดวกรวดเร็วทันใจ มีแบตเตอรี่ให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ GS 3K Yuasa FB PUMA ฯลฯให้บริการถึงที่ ราคาไม่แพง 24 ชั่วโมง มีประกันทุกลูก ไม่ทิ้งลูกค้า ยอดขายอันดับ1อยุธยา
โทร 081-853-0658 , 089-089-8887
ยินดีรับใช้และให้บริการ
บริษัท เพชรพรรณาราย แบตเตอรี่ อยุธยา จำกัดสำนักงานใหญ่
สำนักงานใหญ่ เพชรพรรณาราย แบตเตอรี่ อยุธยา สำนักงานใหญ่
https://maps.app.goo.gl/LMST4HH5AAoEhoBB8
สาขา 2 เส้นหลังอยุธยาซิตี้ปาร์ค ม.อามิโก้
https://maps.app.goo.gl/2Zwagg1LD7zN5fbi8?g_st=il
สาขา3 วงเวียนเจดีย์นักเลงเลยศูนย์มิตซู 50 เมตร
https://maps.app.goo.gl/4zVo1Es4Gc4UwXez7?g_st=il
สาขา 4 สี่ขวา-วังน้อย
https://goo.gl/maps/Y8CK6qHhKWs2tA7n9
081-853-0658
089-089-8887
098-979-9974
ราคาเริ่มต้นแลกเทิร์นลูกเก่า
แบตเตอรี่รถเก๋ง 1300 บาท
แบตรถกระบะ 1500 บาท
ชมผลงาน ติดต่อ https://www.facebook.com/profile.php?id=100026546395843 โทร 081-853-0658
เปลี่ยนแบตรถยนต์ฉุกเฉิน รถสตาร์ทไม่ติด แบตหมด พ่วงแบต ให้เราช่วยดูแล สะดวก บริการรวดเร็ว แบตหมด แบตเสื่อม เปลี่ยนแบตรถยนต์คุณภาพดี เปลี่ยนแบตนอกสถานที่อยุธยา แบตเตอรี่รถ Toyota Isuzu Honda Misubishi Nissan Mazda Ford MG Suzuki Kia Hyundai Volvo Subaru BMW BENZ BYD ,Good cat , แบตรถมอเตอร์ไซค์ แบตรถบรรทุก แบตรถบัส แบตเตอรี่เรือ แบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟUPS แบตเตอรี่เครื่องปั่นไฟ Generator แบตเตอรี่โซล่าเชลล์ แบตเตอรี่โรงงาน โทร. 098-979-9974
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ
แบตเตอรี่รถยนต์นั้นเรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะทุกอย่างภายในรถนั้นทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีกระแสไฟฟ้าจ่ายไปเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆภายในรถนั้นก็ต้องอาศัยแหล่งพลังงานไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่กับรถของเราไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น จึงดีกว่าการที่จะต้องเสียเงินเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ เพราะอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์นั้นก็ไม่ได้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวอะไรมากนัก โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2-3 ปี หากใช้ได้น้อยกว่านั้น คงต้องมาดูกันแล้วว่ามีสาเหตุจากอะไรและมีทางแก้อย่างไรได้บ้าง บทความนี้หาคำตอบมาให้แล้ว
ประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์
หลายๆคนที่เป็นมือใหม่ในเรื่องของรถยนต์ หรือสาวๆที่อาจไม่เก่งในด้านนี้มากนัก อาจจะยังไม่ทราบว่าแบตเตอรี่รถยนต์นั้นไม่ได้มีแค่แบบเดียว ซึ่งประเภทของแบตเตอรี่นั้นก็มีด้วยกันถึง 3 ประเภท และมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. แบตเตอรี่แบบน้ำ
เป็นแบตเตอรี่ที่น่าจะคุ้นเคยกันมากที่สุด และเป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่ต้องหมั่นคอยเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอๆ แต่ในปัจจุบันมักไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก
2. แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนามาจากแบบน้ำ แต่ยังคงต้องเติมน้ำกลั่นอยู่บ้าง บำรุงน้อยกว่าแบบแรก แถมยังให้แรงของประจุไฟฟ้าที่มาก
3. แบตเตอรี่แบบแห้ง
แบตเตอรี่ประเภทนี้ก็ตามชื่อเลยว่า “แบบแห้ง” ดังนั้นจะไม่ต้องกังวลเรื่องการที่มาคอยเติมน้ำกลั่น เพราะว่าแบตเตอรี่แบบนี้จะไม่มีช่องให้เติม มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าประเภทอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่จะนิยมใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้เป็นอย่างมาก
แบตเตอรี่รถยนต์หมดเกิดจาก?
แบตเตอรี่รถยนต์หมดนั้นเกิดได้จากหลากสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้งานของผู้ขับขี่หรือว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของแบตเตอรี่เองก็ตาม ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
1. เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้
น่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนที่ขับรถในช่วงเวลากลางคืนน่าจะได้พบเจอปัญหานี้อยู่บ้าง พอขับรถมาจอดแล้วดันลืมไปเสียสนิทเลยที่จะต้องปิดไฟ นั่นทำให้มีการใช้งานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ตลอดทั้งคืน เพราะแบตเตอรี่นั้นไม่สามารถชาร์จพลังงานได้ด้วยตัวเองได้หากไม่ได้สตาร์ทรถยนต์อยู่ ทำให้แบตเตอรี่นั้นหมดลงไปเรื่อยๆนั่นเอง
2. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
สาเหตุหลักๆนั้นมีได้หลากหลายอย่างมาก ซึ่งมาจากการใช้งานที่อาจจะผิดหรือว่าความเสียหายของตัวแบตเตอรี่เองก็ตาม ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 สาเหตุ ดังนี้
Under Charging
การที่ไดชาร์จทำงานผิดปกติ จึงทำให้ชาร์จไฟในขณะที่สตาร์ทรถ ได้น้อยกว่าปกติ หากปล่อยไว้นานๆจะทำให้เกิดคราบสีขาวบนแผ่นธาตุขึ้น ทำให้แบตเตอรี่นั้นเสื่อมและเก็บไฟได้น้อยลง
Over Charging
น้ำกลั่นที่มีอยู่ในแบตเตอรี่นั้นลดลงเหลือน้อยเกินไป ทำให้แบตเตอรี่ร้อนขึ้น แผ่นธาตุจึงเสื่อมสภาพลงและชาร์จไฟในขณะที่สตาร์ทรถ มากเกินกว่าปกติ เป็นสาเหตุที่แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ลดลง
Short Circuit
แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจร ซึ่งอาจจะเกิดมาจากการที่แผ่นธาตุมีความเสียหาย ทำให้แบตเตอรี่นั้นไม่สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าเอาไว้ได้
3. ระบบไฟในรถยนต์มีปัญหา
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าปวดหัว เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหานี้อย่างแน่นอน โดยสาเหตุที่ทำให้ระบบไฟในรถยนต์มีปัญหานั้นเกิดมาจาก การที่เจ้าของรถไปติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น เครื่องเสียง กล้องติดรถยนต์ อุปกรณ์แปลงไฟเพื่อใช้ภายในรถ ส่งผลให้ไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงได้
4. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่
อย่างที่รู้ๆกันว่าแบตเตอรี่ของรถยนต์นั้นมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 1-2 ปีเท่านั้น หากใช้งานมากไปกว่านั้น ก็ไม่แปลกที่แบตเตอรี่นั้นจะเสื่อมสภาพและแบตหมดลงในที่สุด หากรู้ว่าแบตเตอรี่ที่ติดรถมานานแล้ว ก็ควรเปลี่ยนให้เรียบร้อย
แบตเตอรี่ใกล้หมดจะมีอาการอย่างไร??
อาการเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่รถยนต์นั้นสังเกตได้ง่ายๆ ว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นใกล้จะหมดแล้ว เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่รถยนต์ของคุณจะสตาร์ทไม่ติด ซึ่งมีวิธีเบื้องต้นให้สังเกตได้ ดังนี้
1. สตาร์ทรถได้ยากขึ้น
เป็นอย่างแรกเลยที่ต้องทำก่อนจะใช้งานรถยนต์ หากตอนที่สตาร์ทแล้วนั้นรู้สึกว่ารถยนต์ของเราสตาร์ทติดได้ยากขึ้น บิดกุญแจอยู่นานกว่าจะติด นั่นเป็นสัญญาณเตือนแรกที่บ่งบอกได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณใกล้จะหมดลง เพราะนั่นหมายถึงว่าไฟฟ้าไม่เพียงพอในการจุดระเบิดของไดสตาร์ท
2. ไฟหน้าสว่างน้อยลง
ระหว่างที่ขับรถช่วงกลางคืน หากเปิดไฟหน้าแล้วความสว่างที่ได้นั้นน้อยลงจากเดิม หรือว่าพอเปิดไฟแล้ว ไฟกะพริบและค่อยๆหรี่ลงเรื่อยๆ ใฟ้คิดไว้ได้เลยว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเรานั้นเริ่มมีปัญหา ไม่ก็แบตใกล้ที่จะหมด
3. อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ไฟฟ้าภายในรถเริ่มไม่ทำงาน
เนื่องจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถยนต์นั้นใช้ไฟฟ้าในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเสียง วิทยุ รวมไปถึงกระจกไฟฟ้าก็ตาม หากเริ่มทำงานผิดปกติ เปิดไม่ติดบ้างหรือว่าทำงานได้ช้าลงบ้าง ในเวลาพร้อมๆกัน สังเกตได้เลยว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดอย่างแน่นอน
How To ดูแลรักษาแบตเตอรี่
แล้วทีนี้การดูแลล่ะ ต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าอยากจะให้แบตเตอรี่ของรถเราอยู่ได้นานขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรบ่อยนัก ซึ่งวิธีที่จะมอบให้ต่อไปนี้ ก็ขึ้นอยู่กับวินัยของเจ้าของรถด้วยว่าจะหมั่นคอยดูแลรักษามาก-น้อยแค่ไหน ซึ่งมีวิธีง่ายๆ ตามนี้เลย
1. ตรวจเช็คระดับของน้ำกลั่น (เฉพาะแบตเตอรี่แบบน้ำและกึ่งแห้ง)
การตรวจสอบเรื่องระดับของน้ำกลั่นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งอย่างน้อยควรจะตรวจอาทิตย์ละครั้ง เพราะแบตเตอรี่แบบน้ำนั้นมีความละเอียดอ่อนที่สุด หากน้ำกลั่นหมดแบตเตอรี่ก็จะไม่สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าได้อีกต่อไป และการเติมน้ำกลั่นนั้นควรเติมให้พอดี ไม่มากไปหรือน้อยไป เติมตามที่แบตเตอรี่กำหนดไว้ โดยสังเกตได้จากเส้นระดับที่อยู่ในช่องเติม
2. ตรวจเช็คและทำความสะอาดขั้วของแบตเตอรี่
การที่ขั้วของแบตเตอรี่นั้นไม่สะอาด มีคราบของสนิมและขี้เกลือ ถือเป็นผลเสียอย่างมากทั้งกับแบตเตอรี่และรถยนต์ของเรา เพราะมันจะทำให้ประจุไฟฟ้านั้นไหลผ่านได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอๆ โดยการเอาผ้าชุบน้ำร้อนและค่อยๆถูออก หลังจากนั้นให้นำน้ำยาเคลือบมาทาเพื่อป้องกันการเกิดคราบในอนาคต
3. ตรวจเช็คไดชาร์จแบตเตอรี่
ไดชาร์จแบตเตอรี่นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้แบตเตอรี่มีไฟฟ้าในการสะสมอยู่ หากไดชาร์จเกิดการเสียหายแล้วล่ะก็ เท่ากับว่าก็จะไม่มีไฟฟ้าเข้าไปอยู่ในแบตเตอรี่ อาจจะทำให้เรานั้นคิดผิดก็เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ แต่จริงๆนั้นไม่ใช่
4. ตรวจเช็คค่ากำลังไฟของแบตเตอรี่
โดยส่วนมากแล้วแบตเตอรี่รถยนต์นั้นจะต้องอ่านค่าไฟได้อยู่ที่ประมาณ 12.4-12.6 โวลด์ หากนำตัวอ่านค่าไฟมาจิ้มเข้ากับขั้วของแบตเตอรี่แล้วค่าออกมาน้อยกว่านี้ ควรนำแบตเตอรี่ยกไปให้ที่ร้านชาร์จหรือมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น คือข้อถัดไปหลังจากนี้เลย
5. สตาร์ทรถยนต์
หลายๆคนคงงงว่า การสตาร์ทรถนั้นช่วยรักษาแบตเตอรี่ได้ยังไง ขอต่อจากข้อที่แล้วเลย การสตาร์ทรถยนต์นั้นจะทำหน้าที่ให้กับไดชาร์จนั้นทำงานและมีหน้าที่ชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ของเรานั่นเอง ทำให้แบตมีค่าไฟฟ้าคงอยู่ตามที่กำหนดไว้นั่นเอง แค่นี้ก็ช่วยถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานขึ้นแล้ว